ฉมวกเพชร ช่อชะมวง

ฉมวกเพชร ช่อชะมวง

     นักมวยไทยในอดีตส่วนมาก มักจะมีจำนวนการแข่งขันที่น้อยนิด ซึ่งแตกต่างกับนักมวยไทยในปัจจุบัน นั่นก็เนื่องมาจากการจัดการแข่งขันในอดีตที่ไม่ได้มีบ่อยดั่งปัจจุบันนี้ สมัยก่อนหากจะทำการแข่งขันก็ต้องรอให้มีการเทศกาลใหญ่ ๆ ที่ในแต่ละตำบลจะจัดเพียงปีละครั้งเท่านั้น นักมวยสมัยก่อนจึงต้องเดินสายออกไปทั่วประเทศเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการแข่งขัน และขึ้นชกให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้มีชื่อเสียงในวงการมวย ปัจจุบัน ประเทศไทยได้มีการส่งเสริมกีฬาประเภทมวยไทยเป้นอย่างมาก ทำให้เกิดการแข่งขันทุกสัปดาห์ ทว่า ในปัจจุบันก็ยังไม่มีนักมวยที่จะส่อแววว่าจะกลายเป็นตำนานในอนาคต มันเป็นที่เรื่องที่ช่างส่วนทางกับคนรุ่นเก่าที่สามารถไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้ากันเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนักมวยที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในยุคนั้นก็คือ “ฉมวกเพชร ช่อชะมวง” หรือ “ขุนเข่าคอมพิวเตอร์”

 

ประวัตินักมวยไทย ฉมวกเพชร ช่อชะมวง

     ฉมวกเพชร ช่อชะมวง ชื่อจริงคือ วิเชียร บุตรดี เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2505 จังหวัดชลบุรี โดยเขาให้ความสนใจในกีฬามวยไทยตั้งแต่อายุ 12 ขวบ โดยใช้ชื่อแรกคือ ฉมวกเพชร ส.วรกุลชัย ได้ลงทำการแข่งขันในรายการแรกของเส้นทางนักมวยกับ ดาวเด่น ศ.ศักดิ์เกษม เป็นทางฝั่งของฉมวกเพชรที่สามารถทำผลงานได้เข้าเป้ามากกว่าและกลายเป็นผู้ชนะคะแนนไปในครั้งนั้น และหลังจากการแข่งขันในครั้งนั้นเขาก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันในเวทีอื่น ๆ ภายในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ด้วยฝีมือของเขาทำให้เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงมวยไทยของศรีราชา ต่อมา ได้มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพตามคำชักชวนของพี่ชายที่เป็นนักมวยเช่นกัน วันที่ 5 มกราคม 2521 เป็นครั้งแรกที่ขึ้นทำการแข่งขันบนเวทีมาตรฐานมวยไทย สนามราชดำเนิน กับคู่ชกจากต่างถิ่นเช่นกัน เริงณรงค์ สิงห์คงคา ผลปรากฏว่าเป็นฉมวกเหล็กที่สามารถทำผลงานได้ดีกว่าและชนะคะแนนไปในที่สุด เขาใช้ระยะเวลาในเส้นทางอาชีพนักมวยไทยได้ไม่ได้ก็ได้ขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้าของเมืองไทย จนได้รับการโหวตให้เป็นยอดมวยไทยเมื่อปี 2528 นักมวยไทยในอดีตมากมายที่รู้สึกหมดความท้าทายกับอาชีพมวยและต้องการมองหาความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยการออกมาชกมวยสากล หลายท่านที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ล้มเหลวแล้วต้องกลับมาเดินบนเส้นทางเดิม ฉมวกเพชรเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่หักเหเส้นทางอาชีพของตนเองเช่นกัน เนื่องจากคู่ชกในมวยไทยของเขานั้นเริ่มที่จะหาได้ยากมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนชนิดมวยหรืออกไปชกที่ต่างประเทศก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะการเก่งเกินไปย่อมทำให้ไม่มีใครต่อสู้ด้วย นั่นก็จะส่งผลถึงเงินที่จะเข้าสู้กระเป๋าด้วยเช่นกัน อีกทั้งในอดีตนักมวยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่าเหมือนกับสมัยนี้ จึงทำให้ต้องกระเสือกกระสนเพื่อให้ได้ลงแข่งขัน ในรายที่เก็บเงินเก่งก็จะมีชีวิตที่ดีในบั่นปลาย ในรายที่เกเรชอบสังสรรค์มักมีตัวอย่างในบ้านปลายที่น่าเศร้าให้เราได้เห็นกันอยู่เป็นประจำ

 

ขุนเข่าคอมพิวเตอร์ ยอดนักมวยไทยในอดีต

     “ขุนเข่าคอมพิวเตอร์” เป็นฉายาประจำตัวของ ฉมวกเพชร ช่อชะมวง เนื่องจากในยุคนั้นคอมพิวเตอร์เริ่มที่จะเข้ามามีบทบาทในสังคมไทย อีกทั้งการออกคำสั่งควบคุมก็เป็นเรื่องง่าย เปรียบเช่นกันฉมวกเหล็กที่สั่งเข่าให้เข้าเป้าได้ตามต้องการ อีกทั้งยังทำหน้าที่ตามคำสั่งพี่เลี้ยงได้เป็นอย่างดีจึงได้รับฉายานี้มา นอกจากที่ฉมวกเหล็กจะเก่งถึงขนาดที่ไม่มีนักมวยไทยกล้าสู้ด้วยแล้ว เขายังเป็นนักชกที่ชาวต่างชาติขยาดด้วยเช่นกัน เนื่องจากเขาเคยเข้าร่วมการแข่งขันในการต่อสู้ฟรีสไตล์ที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง เขาก็สามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม มีอยู่หลายครั้งที่ต้องชกมวยสากลในต่างถิ่น ผลปรากฏว่าแพ้บ้างชนะบ้างสลับกันไป ก่อนการแข่งขันครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 มีนาคม 2543 จะเริ่มขึ้น ซึ่งในวันนั้นเป็นการเก็บชนะเพื่ออำลาวงการมวยได้เป็นอย่างดี แต่ผลกระทบที่ได้คือ แขนหักระหว่างการแข่งขัน แม้ว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแต่ก็ยังคงฟืนสู้จนถึงที่สุด นับว่าเป็นนักมวยไทยในอดีตอีกคนหนึ่งที่มีเลือดนักสู้อย่างเต็มเปรี่ยม