ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์

ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์

     ในยุค 90 เป็นยุคทองของวงการมวยไทยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นช่วงทศวรรษที่เหล่านักมวยเก่ง ๆ มากมายต่างถือกำเนิดขึ้น แต่ละก็ก็จะมีรูปแบบการชกและวิธีการที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ ในยุคนั้นเป็นยุคที่มีเหล่านักชกมากมายเขามาท้าชิงตำแหน่ง ผู้ที่สามารถโลดแล่นบนเวทีผืนผ้าใบได้ทั้งหมดล้วนแต่กลายเป็นตำนานของคนยุคนี้ไปแล้วทั้งสิ้น ด้วยการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทำให้เหล่านักมวยต้องพัฒนาฝีมือเพื่อให้คู่ต่อสู้เอาชนะได้ยาก แต่สมัยนั้นเป็นยุคที่วิทยาศาสตร์การกีฬายังไม่ได้รับการแพร่หลายอย่างปัจจุบันนี้ นักมวยจึงมวยเน้นไปที่ความสามารถเฉพาะตัวมากกว่าการจะพึ่งพาร่างกาย ทำให้นักมวยไทยส่วนใหญ่มรรูปร่างที่ไม่หนาแข็งแรงหรือสมบูรณ์มากนัก อีกทั้งเรื่องความสูงที่ยังเป็นปัญหาสำคัญต่อวงการมวยไทยและคนไทยด้วยเช่นกัน แต่ทว่า มีนักมวยอยู่คนหนึ่งที่ถูกขนานนามว่าเป็นนักมวยไทยที่สูงที่สุด และยังเป็นนักมวยที่หาคู่ชกได้ยากที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น

 

ประวัตินักมวยไทย ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์

     ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ มีชื่อจริงคือ ชรินทร์ สอนดี ชื่อเล่นว่าต้อย มีความสูงที่ 185 เซนติเมตร เป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอนครหลวง เกิดเมื่อปี 2503 ดีเซลน้อยให้ความสนใจในกีฬามวยไทยตั้งแต่อายุ 12 ขวบ และได้เริ่มทำการแข่งขันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมาพี่ชายของเขาได้ย้านถิ่นฐานมาอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ดีเซลน้อยจึงต้องติดตามพี่ชายมาด้วย และในระหว่างนั้นเขาได้เข้าร่วมกับค่ายมวย ส.วรกุลชัย ระหว่างการฝึกซ้อมดีเซลน้อยสามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมจนทำให้เจ้าของข่ายเชื่อมั่นในความพร้อมของเขาก่อนที่จะเริ่มหารายการการแข่งขันให้ และเขาได้เดินสายชกมวยไปทั่วทั้งภาคตะวันออกในเวลานั้นจนมีชื่อเสียงเป็นที่เรื่องลือเรื่องความสามารถที่ไม่เป็นรองใคร จนฝีมือของเขาได้ไปเข้าตากับโปรโมเตอร์คนหนึ่งของเวทีราชดำเนินจึงได้มีโอกาสเขาทำการชกในปี 2519 ในวัยเพียง 16 ปี และตลอดช่วงอายุ 17-25 ปีในเส้นทางการเป็นนักมวยไทยของเขา เขาได้มีโอกาสชกกับเหล่านักสู้ระดับชั้นแนวหน้าของวงการมวยไทยมากมาย เป็นที่รู้จักกันดีในยุคนั้นถึงความสามารถในการใช้เข่าของเขาที่ทำให้คู่ต่อสู้อ้วกแตกคาเวทีมาแล้วหลายราย ทำให้ไม่มีนักชกไทยคนไหนอยากขึ้นชกกับเขาเลย เขาจึงหกลายนักมวยคนหนึ่งในยุคนั้นที่หากนักชกด้วยยากมา จึงได้หักเหมาชกมวยสากลและสามารถครองตำแหน่งแชมป์ได้ถึง 3 สมัย ด้วยช่วยแขนที่ยาวกว่าทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้และไม่มีใครกล้าท้าชิงอีกเช่นเคยเขาจึงประกาศสละตำแหน่งไปในที่สุด

 

การแข่งขันแห่งตำนาน ของสองยอดนักมวยไทย

     เป็นที่รู้กันดีว่าในยุคนั้นมีนักมวยเก่ง ๆ มากมายที่ต่อมาได้กลายเป็นตำนานในยุคนี้ แตกหากต้องเอยชื่อถึง ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ หลายท่านคงจะไม่มีวันลืมโปรแกรมการแข่งขันระหว่าง ดีเซลน้อย ช. ปะทะ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ดีเซลน้อยเจ้าของฉายา “ขุนเขาเสาโทรเลข” ปะทะ สามารถเจ้าของฉายา “เพชฌฆาตหน้าหยก” ดีเซลน้อยเป็นนักมวยที่ไม่มีนักมวยไทยคนใดอยากสู้ด้วย ทำให้ผู้คนต่างมองหาว่าใครกันที่จะเหมาะสมจนกระทั่งได้คำตอบเป็น สามารถ พยัคฆ์อรุณ ด้วยความสามารถที่หากกันมาก เรียกได้ว่าหากดีเซลน้อยสามารถล็อกคอได้เมื่อไหร่เขาจะสามารถตีเข่าได้ถึงปลายจมูกเลยทีเดียว แต่สามารถเป็นมวยฉลาด ว่องไว สายตาดี และไม่เคยมีนักชกคนใดสัมผัสใบหน้าของเขาได้ จึงเป็นที่มาของการจับคู่ยอดมวยทั้งสอง ในระหว่างการแข่งขันดีเซลเดินหน้าเข้าบุกอย่างหนัก เรียกได้ว่าตลอดการแข่งขันทั้งคู่แทบไม่หยุดเคลื่อนที่เลยสักครั้ง ด้วยระยะที่สั้นกว่าสามารถต้องงัดทุกกลเม็ดเมื่อหยุดการเดินของดีเซล ทั้งการยันสกัดและการหลบหลีก ดีเซลน้อยที่พยายามจะจับคอตีเข่าแต่ก็เป็นไปได้ยากยิ่ง ทั้งคู่ดวลอาวุธอย่างดุเดือดตลอดทั้งเกมขณะที่ดีเซลเล็กเองก็พยายามได้ต้อนเพื่อตีเข่าเช่นกัน บทสรุปของเกมในวันนั้นเป็นดีเซลน้อยที่สามารถเอาชนะคะแนนไปได้ แต่ทว่าหลังเกมทั้งคู่ออกมาเปิดเผยว่าเป็นเกมที่ยากมากที่สุดอีกเกมหนึ่งของเขาทั้งสอง