มวยไทย การไหว้ครู ท่ากอบพระแม่ธรณี 

ท่ากอบพระแม่ธรณี 

ท่าไหว้ครูในท่าที่ชื่อว่า ท่ากอบพระแม่ธรณี ความหมายของท่านี้ดีเป็นอย่างมาก เป็นท่าที่สืบเนื่องจากการไหว้ครูในท่าต่าง ๆ ลงมา หลังจากที่เราได้ทำการไหว้ครูในท่ากราบเบญจางคประดิษฐ์เป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่เรากำลังยกตัวขึ้น มือทั้งสองข้างของเรานั้นจากที่คว่ำมืออยู่ ก็จะเปลี่ยนเป็นหงายมือขึ้นแล้วทำการคล้ายกับการโอบอุ้มสิ่งใดสักอย่างขึ้นมาสู่อ้อมอกของตัวเราเอง ท่านี้จึงเรียกว่า ท่ากอบพระแม่ธรณี สำหรับท่านี้เป็นการเรียกขวัญและกำลังใจตัวเราเองได้เป็นอย่างดี เพราะเรานั้นจะต้องใช้จุดยืนที่เป็นพื้นดินในการทรงตัวของเราให้อยู่ การต่อสู้ในมวยไทยนั้นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากนั่นคือเรื่องของการทรงตัว ถ้าเราทรงตัวได้ดีพละกำลังของเราจะไล่มาตั้งแต่ปลายเท้าถ่ายทอดไปจนถึงหัวไหล่แล้วออกไปสู่ปลายหมัด เช่นเดียวกันกับการยืนเตะ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มต้นมาจากพื้นฐานหรือจุดยืนของเราทั้งหมด พระแม่ธรณีจึงถือว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้เรานั้นมีความมั่นคงในตัวของเราเอง การขอขมาพระแม่ธรณีและการสร้างขวัญและกำลังใจให้พระแม่ธรณีนั้นอยู่ช่วยเราตลอดในการต่อสู้ จึงถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างขวัญและกำลังใจได้ดีเป็นอย่างมาก

สำหรับ ท่ากอบพระแม่ธรณี ถ้าเรามองในส่วนของการไหว้ครูท่านี้ในจังหวะที่เรายืดตัวไปทั้งหมดนั้น นอกจากจะเป็นการยืดกล้ามเนื้อตั้งแต่ช่วงขาไปจนถึงน่อง เรายังได้ในส่วนของการยืดแผ่นหลังและช่วงของหัวไหล่ไปถึงปลายแขน การได้ยืดกล้ามเนื้อในส่วนนี้ ถือว่าเป็นการยืดกล้ามเนื้อที่ใช้ พื้นเวทีนั้นช่วยในการยืดกล้ามเนื้อดีที่สุด การที่เรายืดตัวโดยตรงไม่มีส่วนที่มายึดหรือส่วนที่ค้ำยัน เราจะไม่สามารถยืดกล้ามเนื้อได้อย่างเต็มที่ แต่การไหว้ครูใน ท่ากอบพระแม่ธรณี เราจะได้ยืดกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่ไปกับพื้นเวที ใช้พื้นเวทีให้เป็นประโยชน์ แถมยังเป็นการสำรวจรอบเวทีของเราไปอีก 1 ทิศทางอีกด้วย เทคนิคการไหว้ครูของมวยไทยนั้นจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การโชว์ความสวยงามแต่เพียงอย่างเดียว ยังแอบแฝงไปด้วยของชั้นเชิงต่าง ๆ ที่คู่ต่อสู้นั้นคิดไม่ถึง ลองเปรียบเทียบการชกมวยสมัยก่อน เราไม่มีผืนผ้าใบมารองแบบนี้ การชกมวยพื้นดินกรวดหินเม็ดทรายต่าง ๆ เป็นเรื่องของความสำคัญเป็นอย่างมาก ถ้าเราเผลอไปเหยียบเพียงแค่ก้อนทรายเม็ดเล็ก ๆ ก็อาจจะทำให้เสียหลัก มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เราจะพลาดท่าเสียทีแพ้ในการต่อสู้ได้เช่นกัน