ประวัติ สมรักษ์ คำสิงห์ (ผมไม่ได้โม้)

สมรักษ์ คำสิงห์ หรือ นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ ร.น. เขาเป็นนักมวยสากลสมัครเล่น ที่หลายๆท่านหากเป็นแฟนกีฬาหมัดมวยในยุค 90 คงจะรู้จักชื่อของเขาเป็นอย่างดี ในนามนักชกมวยสากลสมัครเล่นของไทย ที่ไปคว้ากีฬาเหรียญทอง โอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1996 แอตแลนต้า จอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งสมรักษ์เป็นเพียงหนึ่งเดียวของมวยสากลสมัครเล่นของไทยที่กลายเป็นฮีโร่หลังจากการชนะเลิศและคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จในครั้งนั้น

สมรักษ์ คำสิงห์ เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2516 ปัจจุบันอายุ 47 ปี พื้นเพเป็นคนขอนแก่นโดยกำเนิด ส่วนสูง 175 เซนติเมตร เจ้าของฉายา โม้อมตะ หรือวลีเด็ดที่เจ้าตัวชอบกล่าวก็คือ “ผมไม่ได้โม้”

สมรักษ์ คำสิงห์ เด็กอิสานที่ถือกำเนิดในถิ่นเมืองหมอแคน จังหวัดขอนแก่น ในวัยเด็กนั้นฐานะทางบ้านของสมรักษ์เองค่อนข้างยากจน เขาเป็นบุตรคนกลางของจำนวนพี่น้อง 3 คน สมรักษ์ คำสิงห์ เริ่มฝึกหัดชกมวยและขึ้นสังเวียนครั้งแรกเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คือการชกมวยในสมัยนั้นตามบ้านนอกคือการตะเวนหาชกตามงานวัดต่างๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ด้วยที่เจ้า บาส หรือสมรักษ์ คำสิงห์ เป็นเด็กที่มีแววและมีพรสวรรค์ในการชกมวย จึงทำให้ไปเข้าตาผู้ใหญ่ทางวงการมวยของท้องถิ่น จึงได้รับการทาบทามให้มาร่วมเป็นนักมวยในค่าย สมรักษ์ ณรงค์ยิม โดยมีคุณณรงค์ กองณรงค์ เป็นหัวหน้าคณะในครั้งนั้น และสมรักษ์ก็ได้เป็นนักมวยที่สร้างชื่อพอสมควรในเวลาต่อมาในแถบถิ่นขอนแก่นอันเป็นบ้านเกิดของตน

ชิวิตบนเส้นทางนี้(ผืนผ้าใบ)ไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากที่ทางผู้ใหญ่ของค่าย สมรักษ์ ณรงค์ยิม เกิดมีปัญหาขัดแย้งกันขึ้น สมรักษ์ คำสิงห์ จึงได้มีการโยกย้ายมาค่ายอรัญที่กรุงเทพ โดยที่สมรักษ์ มีการขึ้นชกมวยทั้งมวยไทยและมวยสากลสมัครเล่น พร้อมทั้งได้ย้ายมาเรียนหนังสือที่ โรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยาในเวลาเดียวกัน

ต่อมาสมรักษ์ คำสิงห์ ก็ได้ตระเวนขึ้นชกบนเวทีน้อยใหญ่ต่างๆ แถบเเถวกรุงเทพ ซึ่งสมรักษ์เองได้มีโอกาสขึ้นชกกับอดีตนักมวยชื่อดังหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น ชาติชายน้อย ชาวไร่อ้อย, ฉมวกเพชร ช่อชะมวง เป็นต้น และเมื่อปี พ.ศ 2538 เป็นครั้งสุดท้ายที่ชกมวยไทยอาชีพ ก่อนที่จะหันมาเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นอย่างจริงจัง

ติดทีมชาติ หลังจากที่เบนเข็มทิศเข้าสู่เส้นทางมวยสากลสมัครเล่นอย่างเต็มที่แล้ว ด้วยความมุ่งมั่นก็ใช้เวลาไม่นาน อีกอย่างทั้งฝีไม้ลายมือของสมรักษ์เองที่ถือว่าเก่งและมีมองดูอนาคต จึงเป็นเหตุให้ไปเข้าตาทางผู้ใหญ่ของสมาคมอีกครั้งและได้ติดธงชาติไทยครั้งแรกในตอนนั้น จนได้ไปเข้าร่วมการแข่งกีฬาโอลิมปิก ที่บาร์เซโลน่า ในปี 2535 แต่ก็น่าเสียดาย เขาตกรอบ แต่ถัดมาอีกไม่นานสมรักษ์ก็คว้าเหรีญทองมวยทหารโลกที่อิตาลี และต่อมานั้นอีกเขาก็เป็นนักชกเพียงหนึ่งเดียวที่ได้เหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์จากเมือง ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น

สมรักษ์ คำสิงห์ เป็นนักมวยที่น่ายกย่องอีกท่านหนึ่ง จากการที่เขาสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในทางด้านการกีฬา จากสถิติการชกและได้รับเหรียญรางวัลของเขามีดังนี้ ..

เหรียญทอง : โอลิปิกฤดูร้อน แอตแลนตา ปี 1996 เฟเธอร์เวท

เหรียญทอง : เอเชี่ยนเกมส์ 1994-1998 เฟเธอร์เวท

เหรียญทอง : ซีเกมส์ 1995 เฟเธอร์เวท

ภายหลังต่อมาสมรักษ์ คำสิงห์ก็ได้แขวนนวมและได้ถูกทาบทามให้มาเข้าวงการบันเทิงบ้าง จนมีผลงานที่สร้างชื่ออย่างมากมาย เช่นได้ถูกรับเชิญให้เข้าร่วมแสดงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง จอมผงาดโลก ซึ่งได้ประกบกับนักแสดงชื่อดังอย่าง เจทลี และยังเคยได้ทำธุรกิจส่วนตัวเช่น ร้านหมูกะทะ หรือทำค่ายมวย จนปัจจุบันสมรักษ์ได้ลงสมัครเลือกตั้งในนามสังกัดชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรหรือรอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังจะจดจำเขาในฐานะผู้เคยเป็น วีรบุรุษเหรียญทองโอลิมปิก