วังจั่นน้อย ส.พลังชัย นักมวยไทยผู้สยบนำขบวน

วังจั่นน้อย ส.พลังชัย นักมวยไทยผู้สยบนำขบวน

     แฟนมวยมันในอดีตคงจะเคยรู้จักและได้ยินชื่อของนำขบวนยอดนักมวยไทยเป็นอย่างดีกับท่าไม้ตายคือการจับคู่ต่อสู้ไถนาทั่วเวทีและยังเป็นเจ้าของเข็มขัดแชมป์อีหลายรุ่น อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดในยุคนั้น แต่ทว่า นำบวนที่ว่าเก่งที่สุดในยุคนั้นเคยแพ้น็อกด้วยสถิติที่เร็วที่ในเพียง 33 วินาทีให้กับนักมวยที่ชื่อ วังจั่นน้อย ส.พลังชัย เราต่างรู้กันดีว่าในอดีตมีนักชกไทยที่เก่ง ๆ มากมาย แต่ละคนต่างมาจากทั่วทุกสารทิศและมีเป้าหมายเดียวกันคือกรุงเทพ ดินแดนของนักสู้ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในสายอาชีพ และนักมวยเหล่านั้นก็จะมีอาวุธเด็ดเฉพาะประจำตัวที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นการต่อสู้ในยุคนั้นจึงต้องอาศัยความฉลาดและไหวพริบของนักมวยเองอีกทั้งยังต้องอาศัยประการณ์การแก้เกมของพี่เลี้ยงเพื่อให้ได้ชัยชนะ นั่นก็เพราะว่าในอดีตการจะรู้จักฝีมือของฝ่ายตรงข้ามสามารถทำได้อย่างเดียวคือการฟังการบอกเล่าจากผู้ที่เคยชมการแข่งขัน เนื่องจากการสื่อสารยังไม่ทันสมัยเหมือนกับปัจจุบันที่สามารถรับชมเทปการแข่งขันย้อนหลังได้ ทำให้นักมวยในปัจจุบันสามารถจับทางฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายกว่า

ประวัตินักมวยไทย วังจั่นน้อย ส.พลังชัย

     วังจั่นน้อย ส.พลังชัย มีชีจริงคือ อาภรณ์ โสภาพ ชื่อเล่นชื่อ ภร เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2510 เป็นคนจังหวัดลพบุรี อำเภอโคกสำโรง เมื่อเยาว์วัยวังจั่นน้อยเป็นเด็กอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ และมีความรักความสนใจในการต่อสู้เป็นพิเศษจึงเลือกเข้าสู่เส้นทางนักมวยตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ในขณะนั้นวังจั่นน้อยได้ตะเวนเดินสายชกเดิมพันไปทั่วพื้นที่ทำให้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในนามของมวยเด็ก ต่อมาเมื่อเขาเริ่มโตขึ้นจึงตัดสินใจเดินทางเข้าสู่กรุงเทพและเข้าร่วมสังกัดของนายทรงชัย รัตนสุบรรณในสมัยนั้น ระหว่างเก็บตัวฝึกซ้อมในคณะ วังจั่นนั้นน้อยสามารถพัฒนาฝีมือได้ดีและเข้าตาเจ้าของค่ายจนมีโอกาสได้ลงทำการแข่งขันในรายการต่าง ๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งชื่อเสียงของเขากระฉอนมากยิ่งขึ้นมาต้องขึ้นชกกับ นำพล หนองกี่พาหุยุทธ ผู้เป็นพี่ชายของ นำขบวน หนองกี่พาหุยุทธ และเขาสามารถเอาชนะนำพลไปได้ ณ สนามมวยลุมพินี อีกทั้งยังครองตำแหน่งแชมป์ต่อมาจนถึง 4 สมัย เมื่อความท้าทายในรุ่นไลท์ฟรายเวทเริ่มหมดลง วังจั่นน้อยจึงตัดสินใจสละตำแหน่งเพื่อยกระดับตนเองมาชกในรุ่นต่อไป ผลปรากฏว่าก็ยังคงเป็นวังจั่นน้อยที่สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจนสามารถคว้าแชมป์ในรายการนั้นมาครองได้ถึง 5 สมัย และยังเคยชกกับนักมวยไทยดัง ๆ มากมาย อาทิเช่น สามารถ พยัคฆ์อรุณ , เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ , นำขบวน หนองกี่พาหุยุทธ เป็นต้น

วังจั่นน้อย ส.พลังชัย ผู้ปิดฉากสามารถพยัคฆ์อรุณ

     ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2532 ณ สนามมวยลุมพินี คือวันที่ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ประกาศแขวนนวมหลังจากที่ต้องพ่ายแพ้คะแนนให้กับ วังจั่นน้อย ส.พลังชัย ต่อมาในปี 2536 เขายังได้รางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา วังจั่นน้อยเป็นนักมวยที่มีหมัดหน้าตรงที่แม่นยำคอยออกหมัดทำลายจังหวะคู่ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งหมัดหลังที่หลักหน่วงจนสามารถเอาชนะน็อกด้วยสถิติที่รวดเร็วที่สุดคือ 33 วิ จากการเอาชนะ นำขบวน หนองกี่พาหุยุทธ ตั้งแต่ยกแรก จนได้รับฉายา “ไอ้หมัด 33 วิ” นอกจากนี้ยังมีเข่าที่หนักยิ่งกว่าหมัดทะลวงไส้ของเขาทรายกาแล็คซี่ ทำให้วังจั่นน้อยเป็นนักมวยที่ครบเครื่องเรื่องอาวุธ ทั้งการต่อสู้ด้วยการยืนระยะและการเข้าปะทะในวงในเขาก็สามารถทำได้ดีทั้งสองแบบ ทำให้เขาสามารถครองตำแหน่งแชมป์เวทีต่าง ๆ มาได้อย่างยาวนานจนไม่มีใครสามารถเอาชนะได้จึงต้องสละตำแหน่งด้วยตนเอง ต่อมาวังจันน้อยได้ประกาศแขวนนวมเมื่อปี 2540 ด้วยเหตุผลที่สภาพร่างกายเริ่มทรุดโทรม เนื่องจากวังจั่นน้อยเป็นนักมวยที่ชื่นชอบในการสังสรรค์และดื่มกินเป็นอย่างมาก และนี่ก็คือปัญหาหลักของนักมวยในอดีตที่ละเลยการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง ปัจจุบันวังจั่นน้อยมีข่าวคราวที่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่รุมเร้าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ ก็ถือได้ว่าเขาคืออีกหนึ่งตำนานของยอกมวยไทยที่ควรค่าแก่การศึกษา