จอร์จ โฟร์แมน คืออดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตของ 3 สถาบันหลัก (WBA WBA IBF) เขาเป็นนักมวยที่มีพลังกำปั้นอันหนักหน่วง จนถูกยกให้เป็น มวยหมัดอันดับ 1 ของยุค 70 อย่างไรก็ตาม เชื่อเสียงของเขากับเป็นรองชายที่ชื่อว่า มูฮัมหมัด อาลี นักมวยรุ่นเดียวกัน ที่ทุกคนทั่วโลก ต่างก็ยกให้เป็น นักมวยเบอร์ 1 ของโลก เมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ และถูกยกให้เป็น นักมวยที่ดีที่สุดในโลกมาจนถึงยุคปัจจุบัน
นักมวยไร้เทียมทาน จอร์จ โฟร์แมน
ในยุคที่ มูฮัมหมัด อาลี ครองโลก แม้แต่คนที่ไม่ดูมวย ยังรู้จักชื่อของ มูฮัมหมัด อาลี เขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นไอดอลของใครหลายๆคน แต่ในปี 1967 อาลีถูกปลดออกจากตำแหน่งแชมป์โลก เนื่องจากไปยอมไปร่วมรบกับกองทัพสหรัฐ แล้วโดนแบนเป็นเวลา 3 ปี แล้วในช่วงดังกล่าวนั้น นักมวยชื่อดังอย่าง จอร์จ โฟร์แมน ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลก
หลังจากคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 1968 จอร์จ โฟร์แมน ก็เทิร์นโปรทันที เขาใช้เวลาไม่นานในการขึ้นไปเป็นแชมป์โลก เริ่มจากการล้ม โจ เฟรเซียร์ คว้าแชมป์โลก WBA และ WBC มาครอบครอง จากนั้นไปปราบ เคน นอร์ตั้น ซิวแชมป์โลก IBF มาครองอีก 1 สถาบัน ซึ่งทั้ง โจ เฟรเซียร์ และ เคน นอร์ตั้น ต่างก็เคยเอาชนะ มูฮัมหมัด อาลี มาแล้วทั้ง 2 คน
จอร์จ โฟร์แมน ปะทะ มูฮัมหมัด อาลี
หลังจากครองแชมป์โลก 3 สถาบันหลัก จอร์จ โฟร์แมนโด่งดังเป็นอย่างมากในสื่อ อย่างไรก็ตาม เขายังถูกติงว่า ยังไม่เคยเอาชนะ มูฮัมหมัด อาลี จะกลายเป็นเบอร์ 1 ของโลกได้ยังไง ดังนั้นแล้ว โฟร์แมนจึงมีความประสงค์ที่อยากจะล้มอาลี เพื่อให้ทุกคนยอมรับว่าเขาเป็น มวยหมัดอันดับ 1 ของยุค
ขณะเดียวกัน มูฮัมหมัด อาลี ก็พ้นโดนแบนกลับมาพอดี อาลีก็ต้องการได้เข็มขัดแชมป์โลกของตัวเองกลับมาเหมือนกัน เมื่อเป็นดังนั้น โปรโมเตอร์มือทองอย่าง ดอน คิง ก็ไม่รอช้าที่จะจัดไฟต์นี้ขึ้นที่ประเทศ ซาอีร์ หรือ ดีอาร์ คองโก ในปัจจุบัน
The Rumble in the Jungle
ไฟต์ระหว่างจอร์จ โฟร์แมน กับ มูฮัมหมัด อาลี ถูกกำหนดให้ชกในวันที่ 29 ตุลาคม 1974 ที่ประเทศ ซาอีร์ โดยไฟต์นี้ใช้ชื่อว่า The Rumble in the Jungle หรือแปลเป็นไทยว่า ดังเปรี้ยงสนั่นป่า และนี่เป็นการชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวตครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ของทวีปแอฟริกา
ว่ากันว่า ดอน คิง แทบไม่ต้องเสียเงินสักบาทในการจัดไฟต์นี้ แถมยังได้เงินเข้ากระเป๋าแบบเต็มๆ โดยเขาเข้าไปเจรจากับ เจอร์รี่ มานุซซี่ เจ้าของค่ายเพลงดัง ให้เอาศิลปินจากค่ายมาร่วมแสดงในไฟต์นี้ได้ แต่ต้องจ่ายเงิน 5 ล้านเหรียญ
นอกจากนั้นแล้ว ดอน คิง ยังไปเจรจากับ โมบูตู เซเซ เซโก้ ผู้นำของซาอีร์ ให้ช่วยเป็นนายทุนในการจัดงาน ซึ่งต่อมาเรื่องก็ไปเข้าหู มูอัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้นำสูงสุดของประเทศลิเบีย ซึ่งทั้งสองคนก็ช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการจัดไฟต์หยุดโลกนี้ขึ้นมา นั่นก็เท่ากับว่า ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศได้หน้า ในการจัด มวยชื่อดัง ของยุคมาเจอกัน แต่คนที่ได้ทุกอย่างคือ ดอน คิง
นายทำได้แค่นี้เหรอจอร์จ
ไฟต์ระหว่าง จอร์จ โฟร์แมนกับ มูฮัมหมัด อาลี เริ่มต้นขึ้น โดยก่อนเริ่มชกนั้น ทั้ง 2 คน ต่างมีประโยคเด็ด บลัฟใส่กันไปมา ราวกับเน็ตไอดอลทะเลาะกัน (ตอนนั้นยังไม่มีโซเชียล) อย่างไรก็ตาม แม้ว่า อาลีจะพูดอะไรไม่ดีออกไป ผู้คนมักจะคล้อยตามเขาเสมอ ต่างกับ โฟร์แมนที่พูดอะไรออกมา มักจะกลายเป็นที่เกลียดชังของผู้คนอยู่เสมอ ราวกับว่า โฟร์แมนเป็นตัวร้ายในละคร
เริ่มการชกยกแรก จอร์จ โฟร์แมนเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกเข้าใส่ เจ้าของตำแหน่ง มวยหมัดอันดับ 1 ของยุค ขอเพียงแค่หมัดเดียว เพื่อปราบอาลี นักมวยชื่อดัง ผู้ถูกยกให้เป็นเบอร์ 1 ของโลก แบบปอนด์ต่อปอนด์ แม้ขณะนั้น จะไม่มีเข็มขัดแชมป์โลกอยู่ในมือก็ตาม
การบุกของ โฟร์แมน ไม่สามารถทำอะไร อาลี ได้แม้แต่หน่อย หลังผ่านไป 6 ยก ดูเหมือน โฟร์แมน จะอ่อนแรงลงไปมาก เนื่องจากเขาชกแทบจะไม่โดนอาลีเลย จนเขาเหนื่อยไปเอง แต่เมื่อเข้าสู่ยกที่ 7 หมัดของ โฟร์แมน ก็เข้าไปเต็มกรามของ อาลี จังๆ
“นายทำได้แค่นี้เหรอจอร์จ” นี่คือประโยคที่ มูฮัมหมัด อาลี พูดออกมา หลังจากโดนหมัดของโฟร์แมน มวยหมัดอันดับ 1 ของยุค เข้าไปแบบจังๆ ใครเห็นก็ว่าตาย และนั่นก็เป็นหมัดสุดท้ายของ โฟร์แมน ที่มีโอกาสโดนตัวของ อาลี ที่เริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เข้าสู่ยกที่ 8 จอร์จ โฟร์แมนเดินออกจากมุมแบบหมดสภาพ เมื่อทาง มูฮัมหมัด อาลี เห็นดังนั้น จึงเปิดเกมบุกเข้าใส่ และเพียงแค่หมัดแย็บธรรมดาๆ 5 หมัด ก็เพียงพอต่อการส่งเจ้าของแชมป์โลก 3 สถาบัน ลงไปให้กรรมการนับ 10 นั่นทำให้อาลีกลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง