ท่าฟ้อนรำเชิง การไหว้ครูในท่านี้ถือว่ามีความสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่มีรูปร่างแข็งแรงร่างกายกำยำมีกล้ามเนื้อโชว์เป็นมัด การได้ไหว้ครูในท่านี้จะถือว่าเป็นการโชว์กล้ามเนื้อของตัวเองแบบชัดเจน ลักษณะของการร่ายรำไหว้ครูในท่านี้คือการเริ่มต้นด้วยการยืนของการตั้งการ์ดมวยพร้อมที่จะต่อสู้ ย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วทำการ ก้าวเท้าย่างเข้าสู่คู่ต่อสู้ ในจังหวะที่ก้าวย่างไปด้านหน้านั้น เราจะใช้เท้าเพื่อประคองตนเองเพียงข้างเดียว อย่างเช่น เริ่มต้นด้วยคนที่ถนัดทางด้านขวาเมื่ออยู่ในท่าตั้งการ์ดพร้อมขยับขาซ้ายเดินไปด้านหน้าเล็กน้อยแล้วยกขาขวาขึ้น พร้อมกับตั้งจากมวยทางแขนขวายกคู่ไปกับขาขวาด้านหน้าด้วยเช่นกัน ขาขวาที่ยกอยู่ในตอนนี้ลักษณะพร้อมที่จะทำการป้องกัน หากคู่ต่อสู้ทำการเตะเข้ามา หรืออีกนัยหนึ่งพร้อมที่จะถีบออกไปด้วยจังหวะและความเร็วได้เช่นกัน ท่าฟ้อนรำเชิง จึงเป็นท่าไหว้ครูที่เริ่มมีการผสมผสานในเรื่องของการใช้แม่ไม้มวยไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกันแล้วในตอนนี้
ท่าฟ้อนรำเชิง จะว่าไปแล้วถือว่าเป็นท่าที่ไหว้ครูในจังหวะที่เริ่มมีความรวดเร็วและความสวยงามมากยิ่งขึ้น การไหว้ครูในท่าที่ผ่านมาทั้งหมดเปรียบเทียบกับการออกกำลังกาย จะเป็นลักษณะของการยืดกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน แต่เมื่อมาถึงในการไหว้ครูลักษณะของการยืนหรือการเดิน จะเป็นลักษณะของการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำการแข่งขันชกมวยหรือเข้าต่อสู้อย่างเต็มที่ หลังจากการไหว้ครูในการยืดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ เราก็มาเช็คร่างกายว่ามีความพร้อมมากน้อยขนาดไหน สำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ผ่านการฝึกซ้อมและฝึกฝนมาเป็นอย่างดี การไหว้ครูมาจนถึง ท่าฟ้อนรำเชิง ในท่านี้จะเป็นการบอกว่าตนเองนั้นพร้อมที่จะขึ้นสังเวียนอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะสู้ศึกในวินาทีถัดไป
ท่าฟ้อนรำเชิง เป็นการถอดแบบการไหว้ครูมาจาก การป้องกันตัว ศิลปะการชกมวยไทยนั้น ถ้าจะว่าไปแล้วเราไม่ได้มุ่งเน้นในการเข้าทำร้าย แต่จะเป็นลักษณะการป้องกันตัวแล้วทำการสวนกลับเสียมากกว่า การมุ่งตรงที่จะไปคว้าชัยชนะหรือเข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้แต่เพียงอย่างเดียว เราอาจจะลืมเรื่องในการป้องกัน แต่สำหรับมวยไทยการป้องกันจะต้องมาก่อนพร้อมกับการสวนกลับที่สอดคล้องกัน การไหว้ครูอย่างเช่น ท่าฟ้อนรำเชิง ก็ได้ผสมผสานการป้องกันตัวและการสวนกลับไปในจังหวะเดียวกัน แม่ไม้มวยไทยหรือการไหว้ครูมวยไทยจึงถือว่าเป็นที่น่าสนใจระดับโลกไม่น้อย